บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 5
วันอังคาร ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558
กิจกรรม สเก็ตภาพจากมือ
โดยการใส่ถุงมือในมือข้างที่เราจะทำการสเก็ต และทำการสเก็ตมือของเรา เพื่อทดสอบความจำของเรา ในการจดจำมือของตนเอง
จากกิจกรรมนี้ เป็นการเปรียบเทียบทำให้ทราบถึงการสังเกตพฤติการของเด็ก หากสังเกตเห็นเด็กมีพฤติกรรมควรจดพฤติกรรมของเด็กตอนนั้นเลย ไม่ควรเก็บไปจดบันทึกทีหลัง เพราะจะทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ไปจากความจริง ครูควรมีสมุดโน๊ตเล็กๆ ไว้พกติดตัวเพื่อความสะดวกในการบันทึกข้อมูล
หัวข้อเรื่อง
การสอนเด็กพิเศษเเละเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ (
ครูควรมองเด็กให้เท่าเทียมกัน )
การฝึกเพิ่มเติมในการสอนเด็กพิเศษ
- อบรมระยะสั้น หรือ สัมมนา
- สื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ครู
การเข้าใจภาวะปกติ
- เด็มักคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่างกัน
- ครูมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษเท่ากัน
- รู้จักแต่เเต่ละคน (ควรจำชื่อจริง
ชื่อเล่นเด็กให้ได้ทุกคน)
- มองเด็กให้เป็น"เด็ก"
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
การเข้าใจพัฒนาการเด็กช่วยให้
ครูเข้าใจความเเตกต่างของเด็กแต่ละคนได้
ความพร้อมของเด็ก
- วุฒิภาวะ
- เเรงจูงใจ
- โอกาส
การสอนโดยบังเอิญ
- ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม
- เมื่อเด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้น
- ครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก
- ครูต้องมีความสนใจเด็ก
- ครูต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อเด็ก
- ครูต้องมีอุปกรณ์และกิจกรรมที่ล่อใจเด็ก
- ครูต้องมีความตั้งใจจริงในการช่วยให้เด็กแต่ละคนได้เรียนรู้
- ครูต้องใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน
- ครูต้องทำให้เป็นเรื่องสนุกสนานเด็กอยู่ด้วยจะได้สบายใจ
อุปกรณ์
- มีลักษณะง่ายๆ
- ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
- เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
- เด็กปกติเรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กพิเศษ
ทัศนคติของครู
1. ความยืดหยุ่น
- การเเก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็กได้
- ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน
ข้อนี้สำคัญมาก!
2. การใช้สหวิทยาการ
- ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลอาชีพอื่นๆ
- สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
3. เด็กทุกคนสอนได้
- เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
ครูไม่ควรมองเด็กแบบข้อนี้!
- เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
4. วิธีแสดงออกจากเเรงเสริมของผู้ใหญ่
- ตอบสนองด้วยวาจา เช่น คำชมต่างๆ
- การยืนหรือการนั่งใกล้เด็ก
- พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
- สัมผัสทางกาย
- ให้ความช่วยเหลือ
ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้
เทคนิคการให้แรงเสริม
เเรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
- ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
- มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก
และมักเป็นผลในทันที
- หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆ
ก็จะลดลงและหายไป
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
- ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรมอันพึงประสงค์
- ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
- ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท(prompting)
- ย่อยงาน
- ลำดับความยากง่ายของงาน
- การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู่ความสำเร็จ
- การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
- สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
- วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น
- สอนจากง่ายไปยาก
- ให้เเรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้
หรือเพื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
- ลดการบอกบท
เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวในขั้นต่อไป
- ให้เเรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ไกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
- ทีละขั้นไม่เร่งรัด"ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่
ยิ่งดีเท่านั้น"
- ไม่ดุหรือตี
การกำหนดเวลา
- จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง
- พฤติกรรมทุกอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน
- เช่น การเข้าห้องน้ำ
การนอนพักผ่อน การหยิบและเก็บของ
- สอนแบบก้าวไปข้างหน้า
หรือย้อนมาจากข้างหลัง
การลดหรือหยุดแรงเสริม
- ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
- เอาอุปกรณ์หรือของเล่นของไปจากเด็ก
- เอาเด็กออกจากการเล่น
ความคงเส้นคงวา
เปิดเทอมสอนเด็กอย่างไร
ก็สอนแบบนั้น!
ประเมินผลการเรียนการสอน
ประเมินตนเอง
เข้าห้องเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจจดบันทึกเนื้อหาเพิ่มเติมจากอาจารย์ มีแอบง่วงบ่างนิดหน่อย
ประเมินเพื่อน แต่กายเรียบร้อย เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียนพร้อมจดเนื้อหาอย่างตั้งใจ ช่วยกันตอบคำถามเมื่ออาจารย์ถาม
ประเมินอาจารย์ เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพ มีเทคนิคการสอนอย่างเข้าใจง่ายและสนุกสนานควบคู่กัน เนื้อหาในการสอนพอดีคะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น